ทำไมยอดคนดูลดลง?

จุดเริ่มต้นของ Vtuber หลายท่านคือ การเดบิ้วท์ (Debut)

คุณจำได้หรือเปล่าครับว่า คนดูไลฟ์เดบิ้วท์แรกของคุณมีจำนวนเท่าไหร่? แล้วตอนนี้มีคนดูคุณอยู่เท่าไหร่?

พวกเราสงสัยว่า ทำไมยอดคนดูในตอนแรกถึงมากกว่าตอนที่เราไลฟ์ปกติ ผมเองก็สงสัย เลยอยากมานั่งคุยเรื่องนี้ครับ!

จุดเริ่มต้นของฉันคือการเดบิ้วท์

การเดบิ้วท์เป็นเหมือนกับวัฒนธรรมหลักของ Vtuber ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือประเทศไหนก็ตาม

จากในตอนแรก Vtuber ถูกมองว่าเป็นเหมือนกับ Idol บนเวที จนถึงปัจจุบันที่ Vtuber อาจเป็นเหมือนกับเพื่อนคุยระหว่างทำงานที่บ้าน การเดบิ้วท์ก็ยังคงเห็นได้ในปัจจุบัน

การเดบิ้วท์มีประโยชน์ในแง่ของการสร้างรากฐานของคาแรกเตอร์ Vtuber และการสร้างฐานแฟนคลับของช่อง

เพราะแบบนั้นเลยทำให้ Vtuber หลายท่านเลือกจะเดบิ้วท์กัน นอกจากที่มันคือ Industry standard มันสร้างตัวตนและแฟนคลับให้มีรากฐานที่แข็งแรงอีกด้วย

ก็มีบ้างแหละครับที่มี Vtuber ที่ไม่ได้อยากเดบิ้วท์ แต่จุดเริ่มต้นของพวกเขาก็จะมีเหมือนกันคือ การสร้างตัวตนและแฟนคลับให้แข็งแรง แค่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของการเดบิ้วท์

เมื่อเป็นแบบนั้น Vtuber ที่มีทีมงาน ที่เห็นถึงความสำคัญนี้ จึงมีการเตรียมตัวไว้เป็นอย่างดี พวกเขาวางแผนว่าจะทำให้ไลฟ์เดบิ้วท์แรกออกมาดีที่สุดยังไง

สำหรับผมในตอนที่เดบิ้วท์ครั้งแรก ผมเก็บความตื่นเต้นด้วยการทำตัวให้รู้สึกปกติที่สุด ผมมีแผนและการเตรียมตัวเพราะผมและทีมงานรู้ว่ามันคือเรื่องสำคัญ

เราอาจเห็นว่าไลฟ์เดบิ้วท์มีการจัดวางแผนผังการนำเสนอที่ตายตัว ตั้งแต่ แนะนำตัวเอง, บอกสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ, เป้าหมาย และขอบคุณทีมงาน

ไลฟ์เดบิ้วท์แรกเลยเป็นเหมือนกับ Awareness ใน Marketing funnel ที่ตามหาคนที่ชอบอะไรเหมือนกันกับ Vtuber ท่านนั้น

และตามหลัก Marketing funnel มันเป็นเรื่องปกติมาก ๆ ที่จะมีคนดูเยอะ เพราะมันคือ การทำให้คนเห็นว่า ฉันคือ Vtuber นะ พวกเธอสนใจฉันหรือเปล่า?

คนดูที่เริ่มลดลง

เมื่อผ่านไปนานวัน คนดูจะเริ่มลดลงจนน่าวิตก จากคนดูหลักร้อยอาจลดเหลือหลักสิบ หรือคนดูหลักสิบลดลงเหลือหลักหน่วย

คำถามในหัวของพวกเราคือ เราทำอะไรผิดวะ?

เราเดินเกมพลาดตรงไหน? เราทำอะไรไม่ถูกใจหรือเปล่า? โมเดลเราไม่สวยพอเหรอ?

การลดลงของคนดูสร้างความกังวลให้ Vtuber มากครับ จนบางทีเราอาจไปโทษสิ่งอื่น เพื่อให้เรารู้สึกดีขึ้น เช่น โทษสังคมว่า เพราะมี Vtuber ผุดเป็นดอกเห็ด คนเลยไม่มาสนใจฉัน อะไรทำนองนั้นครับ (ผมก็เป็น)

พวกเราบางคนอาจผ่านปัญหานี้ไปได้อย่างสวยงาม สวยงามที่ว่าคือ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหาอะไรที่คนดูจะลดลง เพราะตัวเขาก็ยังทำในสิ่งที่ตัวเขารักอยู่เหมือนเดิม

 

“แต่ฉันก็รักในการเป็น Vtuber นะ!” Vtuber บางท่านได้ตะโกนออกมาจากฝูงชน

จริงครับ ที่คุณรักในการเป็น Vtuber คุณเลยมาเป็น Vtuber แต่การทำในสิ่งที่รัก ไม่เคยบอกว่าคุณจะได้ดิบได้ดีตลอดเวลาที่คุณทำ มันแค่ทำให้คุณทำมันบ่อยขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนื่อยเท่านั้น

อาการ Burn out และอาการคิดมาก เริ่มมาหาเราบ่อยขึ้นและบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ พวกเราจะเห็นว่ามี Vtuber ที่ประกาศจบการศึกษาไปไม่น้อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งคนที่มีชื่อเสียงไปจนถึง Vtuber ที่มาเป็น Vtuber ได้ไม่ถึง 6 เดือน

มันคือการต่อสู้ดิ้นรนหรือเปล่าในการอยู่ที่นี้? มันคืออีกหนึ่งคำถามที่ถามตัวเองระหว่างที่นั่งกอดเข่าในห้องนอน หลังจากเลิกไลฟ์สตรีม เพราะมีคนดูเท่ากับ 0 คน

ความสับสนที่มากขึ้น

คุณสงสัยมั้ยครับว่า ถ้า Vtuber จบการศึกษาไป พวกเขาจะทำอะไรต่อ?

คำตอบคือ กลับไปใช้ชีวิตในฐานะคนทั่วไปครับ

Vtuber เป็นเหมือนกับโลกอีกใบ ตัวตนอีกแบบ ที่พวกเราอาจสร้างขึ้นเพื่อหนีออกจากโลกความจริงที่โหดร้าย

พวกเราทุกคนมีปัญหาในโลกคนทั่วไป บางคนอาจรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยก หรือบางคนไม่สามารถเข้ากับคนอื่นได้เลย

การสร้างตัวตน Vtuber อาจจะมีมากกว่าแค่ต้องการการยอมรับ แต่มันอาจหมายถึงทำให้เรายังมีชีวิตอยู่ก็ได้

คุณเคยได้ยินคำที่ว่า ความรู้สึกอับอายมันก็ไม่ต่างจากความตาย หรือเปล่าครับ?

ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ผมอยากมีคนมายอมรับในตัวผม เพราะผมรู้สึกอายที่ตัวเองไร้ค่าครับ ความรู้สึกอับอายมันก็ไม่ต่างจากการที่ผมตายทั้งเป็น

คนเรารู้สึกอับอายไม่เหมือนกันครับ แต่เรารู้ว่า ความรู้สึกของการตายทั้งเป็นมันเป็นยังไง

เมื่อผมกลับไปใช้ชีวิตในฐานะคนทั่วไป ผมรู้สึกว่าผมต้องกลับมาเจอกับความจริงที่น่าอายของผม เจอกับความจริงที่เราอ่อนแอแล้วเราก็แพ้ไปในตลาด Vtuber

อาจแตกต่างนิดหน่อยตรงที่ ผมเลือกออกจากการเป็น Vtuber เพราะผมรู้ว่าผมอยากไปทำงานด้านอื่นต่อ แต่ผมต้องผ่านความจริงที่ว่า

ก็ถ้าหากเรามีคนดูเยอะแต่แรก เราก็คงไม่เลิกง่าย ๆ แบบนี้หรอก

ตอนที่ผมออกมาเพื่อเดินตามทางของตัวเอง ทางในโลกคนทั่วไปมันก็ดูน่ากลัวจริง ๆ ครับ ผมไม่รู้เลยว่าจะเดินไปทางในต่อดี ในอายุที่เกือบจะ 25 ปี

บางทีมันอาจเป็นแบบนั้นมาตลอด เป็นแบบที่ว่า ถ้าคุณไม่เจ๋งพอในวงการนี้ พยายามให้ตายคุณก็จะไม่ประสบความสำเร็จ มันน่าอับอายสำหรับผมที่ผมไม่ผ่านบททดสอบนี้ครับ

มันโอเคที่จะสับสน และมันโอเคที่คนดูน้อยลง

หลังจากผ่านมรสุมชีวิต ผมได้เข้าใจแล้วว่า มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ที่คนดูจะลดลง ถ้าว่ากันตามหลัก Marketing funnel คือ:

  1. Awareness
  2. Consideration
  3. Conversion
  4. Loyalty

What Is a Marketing Funnel: Stages & Targeting Strategies

ขอบคุณภาพจาก Semrush

อย่างที่เห็นว่ามันคือ กรวยคัดกรอง

พูดง่าย ๆ ว่า การเดบิ้วท์มีไว้เพื่อกรองคนที่น่าจะชอบเรา นั่นเอง

พวกเรารู้ว่าในโลกนี้ ไม่มีทางที่ทุกคนจะชอบเรา ผมคิดว่างานเขียนหรือฝีปากผม ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบ แต่มันจะต้องมีคนที่ชอบในงานเขียนหรือฝีปากผมสักคนแน่นอน

วงการ Vtuber ก็เหมือนกันครับ ในท้ายที่สุดที่เรากลั่นออกมาจนเหลือคนดูที่ชอบเราจริง ๆ ปริมาณต้องน้อยกว่าในตอนไลฟ์เดบิ้วท์เสมอ

นี่เป็นแค่หลักการทางวิชาการตลาด แต่ปัญหาจริง ๆ ที่ทำให้เราทุกข์มาจากภายในใจของเราเอง

การรับมือกับความทุกข์ของเราคือ Skill ที่ Vtuber ต้องมี นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ค่ายหรือกลุ่ม Vtuber มักจะรับคนที่อายุมากกว่า 18 เพราะเชื่อว่า คนคนนั้นจะมีวิธีรับมือแล้ว

แต่อายุไม่เกี่ยวข้องกับการรู้วิธีรับมือ มันก็เหมือนกับว่าคุณอายุจวนจะ 35 แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรู้วิธีการทำกับข้าว ทั้งที่คุณอาจรู้หรือไม่รู้ว่า การทำกับข้าวเป็น มันเจ๋งแค่ไหน

อายุเลยไม่เกี่ยวว่าคุณมีวิธีรับมือหรือเปล่า ต่อให้คุณอายุน้อย ถ้าคุณรู้ว่าเวลาตัวเองเจอความทุกข์ เราจะทำยังไง แบบนั้นคุณก็มีวิธีการรับมือความทุกข์แล้ว

บางคนอาจแก้ด้วยการกินของอร่อย บางคนอาจแก้ด้วยการนั่งสมาธิ บางคนอาจแก้ด้วยการร้องเพลง พวกเรามีหลากหลายวิธีในการแก้ความทุกข์ในใจครับ

คำแนะนำของผมมันอาจดูศาสนาพุทธสักหน่อย แต่ผมก็อยากให้คุณลองเอาไปใช้ดูครับ

ผมแนะนำว่า ให้คุณรู้ปัญหาและแก้ที่สาเหตุครับ

ถ้าหากปัญหาของเราคือ คนดูลดลง เราก็ต้องมั่นใจว่านั่นคือปัญหาของเราจริง ๆ ใช่หรือเปล่า

โน้ตที่ผมฝึกตามหาสาเหตุของปัญหาสำหรับบทความนี้

ถ้าคุณไม่รู้สึกว่า นั่นคือปัญหาของคุณ มันก็จะไม่ใช่ปัญหาของคุณ

เราเลยต้องตัดสินให้ได้ว่า อะไรคือปัญหาสำหรับเรา

เมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรคือปัญหา การตามหาสาเหตุก็จะเกิดจากการตามหามูลด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความคิดเห็นส่วนตัว

จากโน้ตตัวอย่างข้างบน ตรงหัวข้อ สาเหตุ ผมไม่ได้คิดเองด้วย bias แต่ผมสังเกตจากข้อเท็จจริงทั้งนั้น ข้อเท็จจริงนี้ต่อให้ผมไม่ชอบใจ มันก็จะเป็นแบบนั้นอยู่ดี

เมื่อเราหาสาเหตุตามข้อเท็จจริง การสร้างเป้าหมายจะเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะ

เป้าหมายคือการทำให้สาเหตุหายไป

ถ้าหากสาเหตุคือ การลงผลงานไม่ต่อเนื่อง เราก็ต้องตั้งเป้าหมายว่า เราจะลงผลงานให้ต่อเนื่อง

ฟังดูกำปั้นทุบดิน แต่มันคือกำปั้นของ All might ที่ปล่อยท่า United state of Smash เลยล่ะครับ

United state of Smash ของ All might

สรุป

ผมเข้าใจครับว่ามันสำคัญมากในเรื่องของตัวเลขหลังบ้าน เพราะผมเป็นคนจริงจังที่ชอบดูตัวเลขหลังบ้านครับ

แต่ปัญหาส่วนใหญ่ของความหนักใจหรือความคิดมาก ก็มักจะเกิดจากเลขหลังบ้านพวกนี้แหละฮะ

เพราะเราคาดหวังให้เลขมันสูงขึ้น เพราะเลขสูงขึ้นหมายถึงเรามาถูกทาง แต่ตัวเลขไม่สามารถวัดค่าความรู้สึกของคนได้ครับ

คนดูน้อยลง? คนดูเพิ่มขึ้น? สิ่งที่สำคัญของการมาเป็น Vtuber คืออะไร? คำถามพวกนี้จะยังมีต่อไปให้คนคิดมากได้คิดเสมอครับ

พวกเราเลยต้องตัดสินใจให้ได้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญของพวกเรา และสิ่งสำคัญที่ Healthy จะต้องทำให้เราเติบโตครับ ไม่ใช่ฉุดรั้งเราลง