จะทำยังไงถ้าหากไม่มีช่องแชตมาคุยด้วยระหว่างไลฟ์?

คุณผู้อ่านที่เป็น Vtuber เคยเจอปัญหานี้มั้ยครับ? มาไลฟ์แล้วแต่ไม่มีใครเลยที่มาพิมพ์คุยด้วย ยังกะอยู่ในป่า ทั้งที่เราอยู่ในบ้านเราแท้ ๆ

ผมเองก็เคยเจอปัญหานี้เหมือนกันตอนที่ยังเป็น Vtuber กว่าผมจะเข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่ได้เป็น Vtuber ไปแล้วครับ ถถถถ+

วันนี้ผมเลยอยากมาแชร์ความรู้ที่ผมมี เผื่อว่ามันอาจจะช่วยคุณผู้อ่านครับ

สาเหตุของการที่ไม่มีคนมาพิมพ์แชต

สาเหตุมันอาจมาจากการที่คุณผู้อ่าน

  1. ยังไม่มีคนรู้จักคุณ
  2. คนดูไม่รู้ว่าคุณทำอะไร
  3. คุณอาจคุยไม่สนุกสำหรับเขา

หลังจากไปเรียนการตลาดออนไลน์มา ผมได้รู้มาว่า การรู้จักลูกค้าถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เหมือนเราจะขายส้ม เราก็ต้องรู้ว่าคนแบบไหนที่ชอบกินส้ม เพื่อขายส้มได้ถูกที่และถูกเวลา อะไรทำนองนั้นครับ

คนดูไม่รู้จักคุณ

ก่อนอื่นเลยเราต้องตามหา Target audience ของตัวเองครับ

Target audience คือ กลุ่มเป้าหมายที่เราอยากไปขายสินค้าให้พวกเขา (ในที่นี้หมายถึงกลุ่มคนดู) ถ้าถามว่าเราต้องรู้จักพวกเขามากแค่ไหนถึงจะพอ? มันก็เหมือนกับถามว่า เราต้องมีเงินมากแค่ไหนถึงจะพอ คำตอบคือ ไม่พอ ครับ

คุณผู้อ่านสามารถไปหาคนที่ คิดว่า น่าจะเป็นลูกค้าของเราได้ จากการไปดูไลฟ์ของ Vtuber ที่ทำ content ที่เราอยากทำครับ

พอเลื่อนลงไปในช่อง comment คุณก็จะได้เจอกับกลุ่มลูกค้าในอนาคตของคุณแล้ว

พวกเขาอาจจะเป็นกลุ่มลูกค้าของคุณในอนาคตก็ได้นะครับ ถ้าหากไม่ศึกษาพวกเขาสักหน่อย คุณก็อาจจะไม่รู้เลยว่าต้องทำ content แบบไหนคนถึงจะดู และเราจะใช้แต่ สัญชาตญาณ อย่างเดียวไม่ได้นะครับ เราต้องใช้สลับกับการใช้ข้อมูล เพื่อสร้างประสิทธิภาพสูงสุด

เหมือนกับการเล่นเกมแนว Rouge-like ที่ผมชอบครับ ผมชอบทำ build แปลก ๆ ก็จริง แต่ build ที่ชนะเกมได้ครั้งแรกคือ build ที่ใช้ skill ทุกอย่างที่มี ไม่ใช่แค่ skill เดียวครับ

เมื่อคุณได้รู้จักกับ Target audience ของตัวเอง ไม่แน่ว่าคุณอาจสร้าง content ที่เข้าถึงจิตใจของพวกเขา จนสร้างฐานแฟนคลับที่เหนี่ยวแน่นก็ได้ครับ

คุณผู้อ่านคิดว่ายังไงครับ?

ถ้าหากไม่แน่ใจว่าเราจะหา Vtuber ได้จากไหน คุณผู้อ่านสามารถหาได้จาก #VtuberTH ได้เลยฮะ หรือถ้าอยากไปส่องตลาดต่างชาติก็ใช้ #Vtuber หรือ #VtuberEN ก็ได้ฮะ

คนดูไม่รู้ว่าคุณทำอะไร

ประเด็นต่อมาคือ การที่คุณทำเนื้อหาจับฉ่ายบ่อยเกินไปครับ

ผมรู้สึกว่าการทำเนื้อหาแบบนี้ มันทำให้คนดูไม่รู้ว่าเราทำอะไรกันแน่ เหมือนกับว่าคุณซื้อหนังสือที่ปกเขียนว่า “พัฒนาตัวเองด้วยกฎ 999 ประการ” แต่เนื้อหาคุยตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนถึงทฤษฎีสมคบคิด คือมันมีแต่เนื้อหาที่น่าสนใจครับ แต่พอเราพลิกไปดูหน้าปก เรายังร้อง เอ๊ะ เลยใช่มั้ยครับ?

การทำเนื้อหา (Content) จะอ้างอิงจาก Target audience ของเราครับ แต่เราก็ต้องรู้ด้วยว่าเรา Values ของเราที่มีต่อ Target audience คืออะไร

พูดง่าย ๆ คือ เราอยากให้อะไรกับคนดู

คุณจะเข้าสู่กระบวนการสร้าง Personal Branding โดยไม่รู้ตัวเมื่อเริ่มตั้งคำถามพวกนี้ ซึ่งเป็นเหมือนกับการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนในระยะยาวครับ

Personal branding คือการสร้างมุมมองที่คนอื่นมองมายังเราครับ และพวกเราคงไม่อยากสร้างชื่อเสียงแย่ ๆ ให้กับตัวเองใช่มั้ยครับ? ยกตัวอย่างเช่น ผมอยากให้ทุกคนมองว่า ผมทำร้านรับวาดโมเดล Pngtuber ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับ Vtuber ทุกคน

พูดง่าย ๆ ว่า อยากเป็นคนมีความรู้ครับ

คุณผู้อ่านคิดว่าผมต้องทำยังไงผมถึงจะดูมีความรู้หรอครับ?

อ่านหนังสือเยอะ ๆ และแชร์ความรู้ให้กับคุณผู้อ่านครับ

การสร้าง Personal branding ของผมก็จะเป็นไปในทำนองนี้ ลากยาวไปจนถึงการสร้าง content แบบอื่น ๆ

ผมแนะนำว่าให้คุณลองหาคุณค่าในตัวเองดูครับ

ส่วนตัวผมใช้การจดลงใน Notion แล้วก็ List เป็นข้อ ๆ ไป

จำเอาไว้นะครับ content เป็นแค่วิธีการที่ทำให้เราได้แสดงคุณค่าของเรา ถ้าคิดอย่างนี้ มันจะช่วยให้เราไม่จำกัดการทำ content ครับ

คนที่คุยไม่สนุก

ที่นี้เรามาคุยเรื่องสนุก ๆ กันมั้ยครับ?

เราจะทำยังไงให้เราคุยได้สนุกกับคนดูหรอ? ผมว่า ถ้าหากคุณได้ตามหาตัวเองจนสร้าง Personal branding ของตัวเองได้ คุณก็อาจจะมีเรื่องสนุก ๆ ในสายของตัวเองเยอะแยะแล้วครับ

แต่การคุยให้สนุกกับทำ content ให้สนุกอาจมีความแตกต่างกันบ้าง การคุยใช้กับตอนที่คุณพูดกับคนดู ส่วนการทำ content อาจไม่ได้คุยกับใครเลยก็ได้

เมื่อคุณได้สร้างตัวตนที่ชัดเจน ผมเชื่อว่าคุณอาจมีคนมาชอบตัวตนของคุณในฐานะของอะไรสักอย่าง เช่น Vtuber ที่คุยเรื่องการตั้งแคมป์ เป็นต้น

แต่อย่าลืมนะครับว่า คุณค่าหรือ Personal branding ของเรา ต้องมาจากความชอบส่วนตัวของเรา

ถ้าหากคุณไม่ enjoy กับสิ่งที่ทำ คนดูอาจรับรู้ก็ได้ครับ

ถ้าคุณได้ทำ content ที่คุณชอบจริง ๆ แล้ว ลองค้นหาใน #VtuberTH หรือ community อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ content ของคุณ เพื่อติดต่อขอ colllab กับคนที่ชอบอะไรเหมือนกันดูนะครับ!

ผมเชื่อว่า การได้คุยในสิ่งที่ตัวเอง enjoy มันจะมีรสชาติออกมาเอง จนทำให้คนดูที่ชอบอะไรเหมือนกันก็อยากมาร่วมคุยด้วยครับ!

การเป็นผู้นำที่ดีสำหรับ CEO ค่าย Vtuber ในปี 2025

วันนี้ผมได้เห็นข่าวและการประจาน (ขอใช้คำรุนแรงหน่อยนะครับ) ของ #ประธานค่ายวีโลกสองใบ ที่ดูเหมือนว่าหลายคนจะไม่ชอบใจกับพฤติกรรมของ (อดีต) CEO ท่านนี้

ผมเลยสงสัยว่า CEO ที่ดีควรจะมีอะไร เพื่อให้ทีมงานอยากทำงานด้วย วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันครับ!

Leadership ความเป็นผู้นำ

Leadership คือ ภาวะความเป็นผู้นำ ในตำแหน่งงานของ CEO มันคือทักษะที่จำเป็นโคตร ๆ ที่ต้องมีก่อนจะสร้างค่าย Vtuber ของตัวเอง

การที่ CEO จะนำคนอื่นได้  ตัวของเขาต้องนำตัวเองให้ได้ก่อน เช่น เขาสามารถรับผิดชอบงานของตัวเองได้มั้ย? เขาทำงานตรงเวลาหรือมาตามนัดหรือเปล่า? เขาบีบตัวเองให้มาทำงาน แม้ว่าจะไม่อยากทำได้มั้ย?

ในหลาย ๆ ครั้งเราจะเห็น CEO แบบนี้น้อยมากในวงการ #VtuberTH เพราะการนำตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนมี

และในมุมมองของคนที่ต้องแบกรับความคาดหวังและความฝันของทุกคนในทีม CEO คือคนที่ต้องนำตัวเองให้ได้เป็นคนแรก เพราะมันจะช่วยให้ CEO นำคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

CEO ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับค่ายของเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเป้าหมายแบบไหน สิ่งที่ CEO เห็น จะต้องชัดเจนกว่าทีมงานเสมอ เขาจะต้องเป็นคนที่นำหน้าและเชื่อในเป้าหมายของค่ายมากที่สุด

การเดินไปตามเป้าหมายที่ดูจะยิ่งใหญ่แบบนั้นได้ แน่นอนว่า เป้าหมายมันต้องมีคุณค่ามากพอที่จะเดินตาม ถ้าหากเป้าหมายของ CEO คือการสร้างกำไรจากคนดู แต่ไม่คิดจะให้อะไรกับคนกลุ่มนั้น ผมรู้สึกว่ามันคือเป้าหมายที่ล้าสมัยมากในปี 2025

ในปัจจุบัน พวกเราเข้าใจแล้วว่า การทำงานที่มีคุณค่า มันทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี และพวกเราทุกคนอยากมีสุขภาพจิตที่ดีกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ Gen Z และ Gen Y

CEO ต้องสร้างเป้าหมายที่มีคุณค่ามากพอ เพื่อดึงให้ทีมงานคนอื่น ๆ เชื่อและมีกำลังใจในการทำงาน และเป้าหมายที่มีคุณค่าส่วนใหญ่จะเป็นเป้าหมายเพื่อสังคม หรือเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้คุณค่าอะไรบางอย่างกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ตำแหน่งที่รับใช้ทีมงาน

ผมรู้สึกว่าตำแหน่ง CEO คือตำแหน่งที่ต้องแบกรับอะไรหลายอย่าง มันอาจฟังดูเท่ในชื่อตำแหน่ง แต่มันคือตำแหน่งขี้ข้าของทีมงานครับ

CEO ต้องช่วยให้ทีมงานทำงานได้อย่างไหลลื่น ไม่ติดขัดในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ทีมงานแต่ละคนพาค่ายไปยังเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้

CEO คนไหนก็ตามที่คอยเอาแต่ชี้นิ้วสั่ง และไม่คิดจะรับฟังความคิดเห็นของทีมงานเลย CEO คนนั้นจะกลายเป็นที่โจษจันของในวงการเหมือน #ประธานค่ายวีโลกสองใบ ตอนนี้

พอผมพูดว่า CEO คือตำแหน่งที่ต้องแบกรับอะไรหลายอย่าง มันก็มีเหมือนกันที่คนไม่อยากจะใช้ชื่อตำแหน่งนี้โดยตรง เพราะมันคือการเอาหน้าของเราไปรับแรงกระแทก

แต่ผมอยากให้ CEO ที่มีความฝันและเป้าหมายแบกรับเอาไว้ครับ เพราะถ้าหากมันคือความฝันและเป้าหมายของคุณ คุณจะต้องเจ็บปวดกับมันเป็นคนแรก และต้องก้าวข้ามอุปสรรคเป็นคนแรก เพราะคุณคือผู้นำ ไม่ใช่ผู้ตาม

หลายครั้งที่เราเห็นกันในดราม่าคือ CEO คือผู้เดินตามต้อย ๆ ไม่คิดจะมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองหรือคนในค่ายเลย

ความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ว่า CEO คนนั้นจะเดินตามหลังทีมงานตัวเองด้วยเหตุผลอะไร ภาพลักษณ์ก็ดูแย่ในสายตาผมแล้วฮะ

ผมอาจเป็นร้านเล็ก ๆ ที่ทำงานกันไม่กี่คน แต่ผมต้องเห็นในสิ่งที่ทีมงานของผมยังเห็นไม่ชัดก่อนเสมอ เป้าหมายของผมต้องชัดเจนและความฝันของผมต้องชัดเจนกว่าลูกจ้าง แบบนั้นผมถึงจะโดนเรียกว่า CEO

แม้ CEO ต้องคอยตามเช็ดทุกเรื่อง แต่เขาต้องมองให้ไกลกว่าทุกคนในทีม ต้องเข้าใจทุกคนในทีม ใครทำอะไรถนัด, คนนี้เหมาะกับงานแบบไหน, เวลาไหนที่ไม่ต้องตามงาน, เวลาไหนที่ต้องตามงาน หน้าที่ของ CEO จึงไม่ใช่แค่นั่งสั่งงานและเล่น Valorant ชิล ๆ แน่นอน

ความฝันและเป้าหมายที่ต้องมีก่อนคนอื่น

เพราะความเป็นผู้นำไม่ได้มีในทุกคน แต่ทุกคนที่เป็น CEO ต้องมีความเป็นผู้นำ

การเป็นผู้นำไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเราต้องแบกรับชีวิตของคนอื่นด้วยแล้ว เราต้องยิ่งมีความฝันและเป้าหมายที่ชัดเจน

ผมเชื่อว่าสักครั้งในชีวิตของคุณผู้อ่าน เคยเจอคนที่มีความฝันและเป้าหมายที่ดูเจ๋งมาก ๆ และคงเคยคิดประมาณว่า “เจ๋งว่ะ” หรือไม่ก็ “ไอ้นี้เพ้อว่ะ”

ผู้นำไม่ใช่แค่ต้องมีความฝันและเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เขาต้องรู้ด้วยว่า วิธีการอะไรที่เขาจะไปถึงเป้าหมายได้ ถ้าหากมัวแต่ฝัน เราก็จะได้เจอ CEO ไม่ดีอีกรูปแบบคือ CEO ที่เพ้อไปเรื่อย

CEO ที่เพ้อไปเรื่อยคือ CEO ที่มีแต่ไอเดีย แต่ไม่รู้(และอาจไม่สนใจด้วยซ้ำ)ว่า เขาจะไปถึงเป้าหมายได้ยังไง เป็น CEO อีกประเภทที่ทีมงานไ่ม่ควรไปทำงานด้วย

ผู้นำต้องมีทั้ง เป้าหมายที่ชัดเจนและวิธีการที่สามารถไปถึงเป้าหมาย หรือถ้าหากไม่รู้วิธีการไปถึงเป้าหมายจริง ๆ อย่างน้อยที่สุด เขาก็ต้องกล้าถามความเห็นจากทีมงาน หรือรับฟังความคิดที่เป็นประโยชน์จากทีมงานของตัวเอง

เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ เพราะงั้นมันเลยเกิดค่าย Vtuber ขึ้น ตำแหน่งผู้นำของค่ายจึงเป็นเหมือนกับการทำให้ความสามารถด้านต่าง ๆ เข้ามาผสานรวมกัน เพื่อทำให้ไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ในตอนแรก

ผู้นำที่ดีจะไม่ให้งานที่เกินหน้าที่กับลูกจ้าง ทั้งยังรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ของพวกเขาอย่างตั้งใจ ผมไม่ชอบใจที่มีคนทำให้ตำแหน่ง CEO ของค่าย Vtuber เป็นแค่ คนเล่นขายของ ที่ต่อให้เขาทำพังก็ไม่เป็นไร

ผมเลยอยากให้ Vtuber ทุกคนมีเป้าหมายในการมาทำงานตรงนี้ คุณจะตั้งเป้าหมายเพื่อมาเล่นสนุกก็ยังได้ อย่างน้อยมันก็ช่วยให้คนดูรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหนและพวกเขาคาดหวังอะไรจากคุณได้บ้าง

สรุป

ทีมงานหลังบ้านรวมไปถึงคนที่อยากเป็น Vtuber มีความฝัน บางคนอยากเป็นคุณพ่อ คุณแม่ของ Vtuber หรืออยากผลักดันวงการ Vtuber เหมือนกับผม และมันน่าปวดใจที่มีค่ายหลอกมาทำงานแบบนี้เยอะมาก

พวกเขาที่มีความฝัน แค่ต้องการให้ตลาดนี้ดีขึ้น น่าอยู่มากขึ้น ไม่ใช่อยากให้มันพังเพราะเรื่องอะไรแบบนี้ ผมรู้ตัวเลยว่า ตอนที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ มันคือการระบายความโกรธของตัวเองต่อเหตุการณ์นี้ แต่ผมก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ถ้าหากคุณผู้อ่านไม่ชอบ ผมต้องขอโทษจริง ๆ ครับ

พวกเราทีมงานเบื้องหลัง อยากทำงานให้กับคนที่มีความฝันและเป้าหมาย ไม่ใช่ทำงานเพื่อคนที่ไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกเราทำ

แด่ CEO ในอนาคตต่อจากนี้ ไม่ว่าคุณจะมีเงินในกระเป๋าตังค์มากแค่ไหน สิ่งที่ทีมงานหลังบ้านต้องการนอกจากเงินเดือนที่คุณจ่ายคือ การเป็นหัวหน้างานที่ดีให้กับพวกเขาครับ

เงินคือสิ่งที่ทำให้ค่าย Vtuber อยู่รอดในแง่ของการตลาด แต่ “คน” คือสิ่งที่ทำให้ตลาด Vtuber อยู่รอดในแง่ของผู้บริโภค

เปิดค่าย Vtuber ยังไงให้อยู่รอด

ถ้าปัญหาของ Vtuber คือการตามหาตัวเองยังไม่เจอ ปัญหาของการเปิดค่าย Vtuber ก็คงจะเป็น อายุขัยของค่าย Vtuber ที่อยู่ไม่นาน

สาเหตุของปัญหานี้คือ การบริหารและเป้าหมายของค่าย Vtuber ไม่ได้มีไว้เพื่อสังคมหรือผู้คนกลุ่มไหน

ผมไม่ได้บอกว่าให้เราทำค่ายการกุศล แต่เราต้องทำค่ายเพื่อให้กลุ่มลูกค้าดู (Target audience) เพราะถ้าทำจับฉ่าย มีหวังคนดูไม่รู้เลยว่าเราเป็นค่าย Vtuber แบบไหน

ผมอยากบอกว่า เป้าหมายที่ทำให้ค่าย ๆ หนึ่งอยู่ได้นาน มักจะมองถึงผู้คนในสังคมก่อน กำไรของค่ายเสมอ

วันนี้ผมเลยจะมาคุยเรื่อง การบริหารและการสร้างเป้าหมายที่มีไว้เพื่อสังคม สำหรับคนที่อยากเปิดค่าย Vtuber ครับ

สร้างเป้าหมายที่เกี่ยวกับการให้บางอย่างกับสังคม

คุณอยากให้อะไรกับสังคมครับ?

คุณอยากให้เสียงหัวเราะ เหมือนกับ Pixela Project หรืออยากสร้างงาน Production ที่ made in Thailand อย่าง ARP Project

ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายอะไร ถ้าหากเราเน้นในเรื่องที่เกี่ยวกับสังคม มันจะทำให้ค่ายของเราอยู่ได้นานมากขึ้นครับ

คุณผู้อ่านต้องตั้งคำถามว่า อะไรคือสิ่งที่ผู้ชมต้องการ และเราจะสามารถให้สิ่งนั้นกับพวกเขาได้หรือเปล่า ด้วยสิ่งที่เรามีตอนนี้

ผมอยากบอกว่า “การให้” เป็นเป้าหมายที่เรียบง่าย แต่ทรงพลังที่สุดแล้วครับ

ให้ใช้เวลาเยอะ ๆ กับการตามหาเป้าหมายของค่าย คิดว่าการลงทุนแรกของค่าย Vtuber ของคุณคือ เวลาของคุณเองครับ

เรียนรู้การเป็นผู้นำที่ดี

ถ้าหากค่ายไปไม่รอด ส่วนหนึ่งมาจาก “ผู้นำ” ครับ

ถ้าคุณเข้าอกเข้าใจทีมงาน และไม่ได้เป็นแค่คนสั่งงาน แต่เป็นคนที่ช่วยเหลือทีมงานให้ทำงานง่ายขึ้น ทีมงานก็อยากทำงานกับคุณแล้วครับ

ผู้นำที่ดี = เข้าอกเข้าใจ + สื่อสารดี

ทักษะการเป็นผู้นำ ไม่ใช่แค่คนที่ทีมงานเรียกว่า “CEO” เท่านั้นที่ต้องมี แต่เป็นเรื่องของทีมงานทุกคนที่ต้องมีด้วย รวมถึง Vtuber ในค่าย

ถ้าหากคุณผู้อ่านยังอยู่ในวัยเรียนหรือวัยทำงาน การมีทักษะนี้ติดตัว จะช่วยให้ใช้ชีวิตการเรียนหรือการทำงานดีขึ้น เพื่อนก็อยากจะทำงานร่วมกับคุณผู้อ่าน งานอาจหนักขึ้นมาบ้าง แต่คุณผู้อ่านจะได้เรียนรู้ได้เยอะกว่าคนอื่น และสุดท้ายความรู้พวกนั้นจะเอาไปต่อยอดในงานอื่นต่อ ๆ ไป

บริหารคนในค่ายให้ Healthy

การบริหารคนให้ Healthy ไม่ใช่การบอกพวกเขาให้ออกกำลังกาย แต่คือการบริหารคนให้เหมาะสมกับงาน

แต่ละคนมีความสามารถที่หลากหลาย และมีความเก่งในแบบของตัวเอง ในงานของค่าย Vtuber จะมีหลายตำแหน่งที่ต้องให้พวกเขาช่วยเหลือครับ

อย่างเช่น ตำแหน่งนักวาด, ตำแหน่ง Rigger, ตำแหน่งเมเนเจอร์, ตำแหน่งตัดต่อ เป็นต้น ตำแหน่งพวกนี้จะเป็นตำแหน่งที่จะโดนเรียกหาอยู่บ่อย ๆ ในกลุ่ม Facebook

แต่ผู้บริหารจะคิดแค่ว่าตอนนี้กำลังขาดตำแหน่งอะไรอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องคิดด้วยว่า ในตอนนี้เรามีอะไรและทำอะไรได้บ้าง เพื่อไปถึงเป้าหมายของค่าย

ปัญหาหนึ่งของการบริหารค่ายไม่ Healthy คือ การทำงานคอขวด ที่งานจะกระจุกอยู่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง และอีกหลายตำแหน่งไม่ได้ทำอะไรเลย

ปัญหานี้พ่วงมากับปัญหาการรับคนเข้ามาเยอะเกินกว่างานที่มีให้ ทำให้ทีมงานรู้สึกว่าตัวเองมาอยู่ตรงนี้ทำไม? เสียเวลาว่ะ

คำแนะนำของผมคือ รับคนเข้ามาไม่ต้องเยอะมากในตอนแรก ให้รับคนเท่ากับความจำเป็นของเรา ไม่ใช่ว่าต้องการแค่เพื่อนร่วมงานเยอะ ๆ อย่างเดียว

เมื่อรับคนเข้ามาแล้ว เราก็ต้องมีงานให้พวกเขา กำหนดเดดไลน์ และเงื่อนไขการทำงานให้ชัดเจน ถ้าหากว่าคุณผู้อ่านเป็นคนจริงจังเหมือนกับผม อาจทำให้ทีมงานรู้สึกเกร็ง ๆ ได้ในตอนแรก ก็อย่าลืมผ่อนคลายตัวเอง แสดงออกให้พวกเขาเห็นว่าคุณผู้อ่านก็มีด้านที่สบาย ๆ อยู่ด้วย แบบนี้จะเป็นเสน่ห์ครับ

สรุป

การบริหารค่าย Vtuber ให้อยู่ได้นาน ๆ เป็นเรื่องที่ต้องมีสามสิ่งนี้

  • เป้าหมายเพื่อสังคม
  • ความเป็นผู้นำ
  • การบริหารคน

เรื่องพวกนี้สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความหรือ Podcast หรือชั้นหนังสือพัฒนาตัวเองได้ครับ

ถ้าหากคุณมีสามสิ่งนี้ครบ ต่อให้คุณไม่ได้เปิดค่าย Vtuber คุณก็จะประสบความสำเร็จในการทำงานของคุณได้ในอนาคตครับ

สาเหตุที่ค่าย Vtuber ส่วนใหญ่ไม่รับเด็ก

สุขสันต์วันเด็กครับ! คิดถึงสมัยตอนที่ผมออกไปเดินตามห้าง เพราะจะได้ไปทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนเลยครับ

พอพูดถึงวัยเด็ก ผมคิดว่าผมเห็นคำถามนี้หลายครั้งมากในกลุ่มที่เกี่ยวกับ Vtuber คือ

เด็กที่อายุต่ำกว่า 18 สามารถอยู่ในค่าย Vtuber ได้หรือไม่?

ถ้าว่ากันตามตรง ผมรู้สึกว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปเยอะมากเลยครับ (ฮา) การเป็น Vtuber คงเป็น Pop culture ไปแล้วในไทย

ต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า ไม่ใช่ทุกค่ายที่รับคนอายุต่ำกว่า 18 เข้ามาเป็น Vtuber

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกฎหมายใช้แรงงานเด็กหรือวุฒิภาวะที่ยังไม่เหมาะสม มันก็เป็นเรื่องที่ผู้บริหารต้องเก็บมาคิดทั้งนั้น

ผมเลยอยากตอบคำถามนี้ว่า ค่ายใหญ่ ๆ คงไม่รับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ครับ

แต่การเป็น Vtuber เหมือนการเดินทาง (Journey) ครับ การเข้าไปในค่าย Vtuber ไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเดินทางเท่านั้นครับ

ต่อให้เป็นน้อง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง 18 แต่ถ้ามีความฝันและมีไอเดีย ผมว่าน้อง ๆ ก็สามารถเป็น Vtuber อิสระ เพื่อเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ครับ

สาเหตุที่ค่าย Vtuber ส่วนใหญ่ ไ่ม่รับเด็กต่ำกว่า 18 ผมว่ามีสาเหตุประมาณนี้ครับ

ไม่มั่นใจว่าจะมีความรับผิดชอบ

ผมเชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนมีความรับผิดชอบในการส่งการบ้าน (ใช่มั้ยครับ?) แต่ทางผู้บริหารค่ายอาจไม่ได้คิดอย่างนั้นทุกคน

เรารู้กันว่า ถ้าหากน้องกำลังเรียนหนังสืออยู่ ก็ต้องมีงานมาแทรกจนไม่สามารถทำกิจกรรมของ Vtuber ได้

การที่น้องทำกิจกรรม Vtuber ไม่ได้ มันก็หมายถึง การลงทุนลงแรงของทีมงานหลังบ้านก็จะเสียเปล่า

และต่อให้น้องมีความรับผิดชอบมากพอที่จะทำหน้าที่นักเรียนและ Vtuber พร้อมกัน มันก็ไม่ได้การันตีว่าน้องจะทำมันได้ดีทั้งสองทาง และไม่แน่มันอาจทำให้น้องเครียดกว่าเดิมด้วย

ในอีกมุมหนึ่ง เรื่องส่วนใหญ่ที่ทีมงานเบื้องหลังมักบ่นคือ การที่ Vtuber ในค่ายไม่มีความรับผิดชอบ มันอาจไม่เกี่ยวกับอายุโดยตรงหรอกครับ แต่ส่วนใหญ่ก็มาจากการที่ Vtuber ท่านนั้นกำลังเรียนหนังสืออยู่

สำหรับผู้บริหารค่าย ผมรู้สึกว่าทุกคนมีความฝันที่อยากไปให้ถึง และในการเดินไปถึงเป้าหมายนั้น ทีมงานและ Vtuber ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบครับ

ถ้าหากน้อง ๆ มีความรับผิดชอบและจัดการหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ความสามารถระดับนี้ถือว่าจับหาตัวได้ยากมากครับ

กลัวว่าจะทำงานเป็นทีมไม่ได้

เมื่อน้อง ๆ เข้ามาเป็น Vtuber ในค่าย สิ่งที่ทีมงานหลังบ้านต้องการมากแบบ ก.ไก่ล้านตัว คือ น้องคุยกับพวกเขารู้เรื่อง

ผมหมายถึง เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นการวางแผนงานหรือการให้งาน น้องจะสามารถเข้าใจสิ่งที่ทีมงานสื่อและทำงานที่ได้รับมอบหมายได้ หรือถ้าน้องติดขัดอะไรก็สามารถเข้าไปถามพวกเขาเพื่อแก้ปัญหาด้วยกัน

ส่วนใหญ่ที่เป็นปัญหาคือ ทำงานเป็นทีมไม่ได้นี่แหละครับ

ปัญหานี้เกิดจากการที่ทั้งสองฝ่าย (ทีมงานหลังบ้าน, Vtuber) สื่อสารกันไม่ชัดเจน

ผมคงเตือนน้อง ๆ Vtuber ฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน ส่วนหนึ่งก็มาจาก ทีมงานหลังบ้านที่จัดการไม่ดี

แต่สำหรับทีมงานหลังบ้านที่สื่อสารชัดเจนและบริหารดี พวกเขาก็อยากให้ Vtuber ของพวกเขา เข้าใจว่าต้องทำอะไร และพวกเขาคาดหวังอะไรจาก Vtuber ท่านนั้น

ความคาดหวังที่เข้าใจง่ายที่สุดคือ การมีความรับผิดชอบ

เมื่อไหร่ก็ตามที่ Vtuber บอกว่า “จะทำ” นั่นคือความรับผิดชอบของ Vtuber และถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา Vtuber ก็ต้องมาปรึกษากับทีมงานหลังบ้านเป็นคนแรก ๆ ไม่ใช่เก็บเงียบคนเดียว

การอยู่ในค่าย Vtuber มันไม่ได้มีอิสระหรือดูเจ๋ง แต่มันคือการทำงานในระดับที่จริงจังขึ้น

ไม่ใช่ทุกค่ายที่จะมีวัฒนธรรมเป็นบริษัททำงาน แต่ส่วนที่ทีมงานหลังบ้านต้องการเหมือน ๆ กันคือ ต้องการคนที่คุยรู้เรื่องและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง

ต่อให้น้องจะไปอยู่ในค่ายที่ Friendly ที่สุดในไทย ถ้าค่ายนั้นมีความฝันบางอย่างที่อยากไปให้ถึง น้องก็ต้องเจอกับความรับผิดชอบอยู่ดี

สรุป

อย่าลืมว่าการเป็น Vtuber คือการเดินทาง (Journey) และค่ายเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเดินทาง ไม่ใช่เป้าหมาย

เมื่อน้องมีค่ายหรือเข้าไปในค่ายสักแห่งสำเร็จ การมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมถือเป็นมารยาทในสังคม

น้องจะทำตามใจตัวเองไม่ได้ น้องจะบอกว่า “ไม่อยากทำแหละ” โดยที่ทีมงานทุ่มแรงกายแรงใจให้น้อง ไม่ได้

ไม่ว่าน้องจะอยู่ในค่ายที่ Friendly แค่ไหน น้องก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อพวกเขาอยู่ดี

ถ้าหากที่ผมพูดไปมันดูจริงจัง ใช่ครับ มันจริงจัง

สาเหตุที่ค่ายใหญ่ ๆ ไม่รับเด็กต่ำกว่า 18 ก็คงเพราะว่า พวกเขามีความฝันแบบจริงจัง เลยไม่อยากให้มันเป็นเรื่องเล่น ๆ อีกแล้วก็ได้ครับ

สาเหตุที่มาเป็น Vtuber เพราะหน้าตาไม่ดี จริง ๆ เหรอ?

เคยได้ยินประโยคพวกนี้มั้ยครับ?

“เพราะหน้าตาไม่ดี Vtuber เลยต้องปิดหน้าปิดตา”

หลายครั้งผมจะเห็นประโยคพวกนี้ออกมาจากพวก Haters ที่อยากทำลายความมั่นใจของ Vtuber

ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวมาก ๆ ในการให้คำนิยามว่า หน้าตาไม่ดี หรือ หน้าตาดี ในยุคศตวรรษที่ 21

สาเหตุของการมาเป็น Vtuber ของแต่ละคนเองก็ไม่เหมือนกัน มันอาจจะจริงก็ได้นะ ที่บางคนอยากปิดหน้าตาของตัวเอง เพื่อจะแสดงความสามารถตัวเองได้ง่ายขึ้น

แต่การเหมารวมว่า Vtuber ทุกคนหน้าตาไม่ดี เลยมาเป็นตัวการ์ตูนขยับได้ มันก็ดูจะมีอคติเกินไปหน่อย

วันนี้ผมเลยอยากมาระบายความอัดอั้นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

สาเหตุของการมาเป็น Vtuber

มันมีเรื่องจริงจากคำพูดของพวก Haters ว่าบางครั้งหน้าตามันทำให้เราไม่สามารถไปต่อได้ในสายงานหนึ่ง

แต่ Vtuber เป็นเรื่องของตัวตนและการนำเสนอ ไม่ต่างอะไรจาก YouTuber เพราะงั้นบาง Content ที่เราอยากนำเสนอ การเป็น Vtuber อาจเหมาะสมกว่า

ในตอนนี้ มี Vtuber เยอะแยะที่ออกมาโชว์ร่างกายบางส่วนของตัวเอง เพื่อบอกว่า ฉันไม่ได้มีร่างกายหรือหน้าตาที่พวก Haters บอก

บางคนอาจโชว์หน้าตาของตัวเองออกมา แล้วพบว่าพวกเขาหน้าตาดีมาก ๆ

อย่าลืมว่าการเป็น Vtuber มันเป็น Subset ของ Content Creator พวกเขาสามารถนำเสนอ Content ยังไงก็ได้ ตามแต่พวกเขาเห็นว่าสมควร

มันก็มีเหมือนกันที่ Vtuber บางคนยังเชื่อใน Traditional ของ Vtuber ที่ว่า Vtuber ต้องปกปิดความลับของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ผิดเลย

สิ่งที่ผมมองว่าผิดจริง ๆ คือการตัดสินคนอื่นด้วยมาตรฐานของตัวเอง จนไม่เห็นหัวอีกฝ่าย

ผมเคยเป็นคนวิจารณ์ Vtuber ผมอาจไม่ได้ด่า แต่ผมตัดสินด้วยมาตรฐานของตัวเอง โดยที่ไม่เข้าอกเข้าใจความลำบากของพวกเขาเลย

สำหรับคนดู ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใจความลำบากอะไรมาก แต่สำหรับผมที่อยู่ในวงการ Vtuber เป็นทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้า การไปตัดสินแบบนั้น มันทุเรศมาก ๆ

ผมทำพลาดแล้ว และไม่อยากให้คนอื่นทำพลาดแบบนี้อีก การตัดสินคนอื่นแบบมุ่งทำร้ายอีกฝ่าย เป็นเครื่องสะท้อนของความอิจฉา

ไม่ว่าคุณผู้อ่านอยากเป็น Vtuber หรือ Pngtuber เพราะสาเหตุอะไร ผมขอร้องให้พวกคุณอย่าได้เอาคำของพวก Haters มาเก็บใส่ใจเลยนะครับ

คุณไม่จำเป็นต้องตอบกลับด้วยความรุนแรง เพราะยิ่งตอบกลับด้วยความรุนแรง คุณยิ่งดูไม่ดี และมันก็จะยืนยันแล้วว่าคุณเป็นแบบที่พวกเขาพูดจริง ๆ

ผมไม่ได้บอกว่า เราไม่ควรปกป้องตัวเอง นะครับ แต่ผมอยากให้คุณโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือ คนดูของพวกคุณ

วงการ Vtuber มีเรื่องน่าปวดหัวและเรื่องที่น่าสนใจอีกเยอะครับ พวกเราสามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ ได้ในวงการนี้ อย่าให้คนบางคนที่ไม่ชอบหน้าคุณมาหยุดคุณได้เลยครับ

สรุป

มันมีหลากหลายเหตุผลในการเป็น Vtuber มากกว่าแค่เพราะพวกเขาหน้าตาไม่ดี

สิ่งที่สำคัญในการมาเป็น Vtuber คือการมีเป้าหมายและตัวตนที่ชัดเจน และถ้าหากเป็นไปได้ว่า เป้าหมายของคุณเกี่ยวกับการให้บางสิ่งกับผู้คน ยิ่งดีเลยครับ

มันมีเรื่องน่าปวดหัวและเรื่องน่าสนใจในวงการ Vtuber อีกเยอะ การที่คุณผู้อ่านยังเป็นตัวเองได้ จะทำให้คุณยังมีความสุขในการเป็น Vtuber ครับ

ประสบการณ์การเป็น Vtuber ของผม

ผมเคยเป็น Vtuber และมันสอนอะไรหลายอย่างให้กับผมครับ

ผมคิดว่าผมชอบประสบการณ์พวกนั้นนะ แต่ประสบการณ์แบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นทุกคน

บางคนอาจเจอเรื่องที่แย่กว่าที่ผมเจอ แล้วมองว่า Vtuber นี่มันห่วยแตกและไม่น่าเข้าไปสิง

ผมเลยอยากมาเล่าประสบการณ์ของผม เพื่อให้คนที่อยากเป็น Vtuber ในอนาคตได้เก็บไปคิดครับ

Perfect ไม่มีอยู่จริง

มันไม่มีคำว่า Perfect ถ้าคุณทำอะไรสักอย่างครั้งแรก

คุณผู้อ่านเคยคิดมั้ยว่า เราอาจทำมันได้ดีมาก ๆ ผมเคยคิดแบบนั้น แล้วก็เชื่อจริง ๆ ว่าเราจะเหนือกว่าคนอื่น ทั้งในด้านการนำเสนอและ Content แต่ผมตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย

มันก็มีบ้างแหละครับที่มีคนชอบ แต่กว่าผมจะมีแฟนคลับแบบนั้นได้ ก็ใช้เวลากว่า 6 เดือน

ความเชื่ออย่างหนึ่งของพวกเราคือ ทุกอย่างมันต้อง Perfect ก่อน เราถึงจะลงมือทำ แต่มันไม่มีวันนั้นหรอกครับ

มันไม่มีวันที่เราจะ Perfect ทุกอย่าง และไม่มีวันที่เราจะทำในสิ่งที่ไม่ได้ฝึกได้ดีในวันแรก

ต่อให้มีพรสวรรค์มันก็ส่งเราไปได้ไม่นาน สุดท้ายมันคือการฝึกและการตามหาเป้าหมายของการมาเป็น Vtuber ของเรา

ถ้ามันจะไม่มีวัน Perfect ก็แค่ทำมันตอนนี้แล้ว รีบเจ็บ รีบเรียนรู้ก็พอ

ยังเดินเพื่อไปถึงเป้าหมายอยู่

ผมมีเป้าหมายคือการให้ความรู้กับคนอื่นครับ

มันเป็นเป้าหมายตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน แต่มันต่างกันตรงที่ ตอนนี้ผมให้ความรู้และลด Ego ของตัวเองลง

แต่ก่อนผมให้ความรู้กับคนอื่น เพื่อให้ผมรู้สึกว่าผมอยู่เหนือกว่าเขาครับ

มันฟังดูตลกและดูแย่มาก ๆ ที่การให้ความรู้ดูจะเป็นเรื่องที่ทำให้ผมมีศีลธรรมสูงขึ้น

แต่ผมยึดติดศีลธรรมมากเกินไป จนมันทำให้คู่หูของผมต้องออกมาเตือนเรื่องนี้เรื่อย ๆ

สุดท้ายผมได้รู้แล้วว่า สาเหตุที่ผมให้ความรู้ เพราะผมอยากมีศีลธรรมเหนือกว่าคนอื่น ภาษาพุทธเรียกว่า สีลัพตปรามาศ หรือก็คือ ยึดมั่นในคุณธรรมหรือความดีของตัวเอง จนคิดว่าเราเหนือกว่าคนอื่น

เป้าหมายของผมในตอนนี้เลยปรับเปลี่ยนให้ผมเป็นคนใหม่ เพราะรากเดิมของเป้าหมายนี้ มาจากตัวตนของผมจริง ๆ

เป้าหมายยังเหมือนเดิม แต่วิธีการเดินต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะผมไม่ Perfect และต้องทำพลาดเยอะ ๆ เพื่อเรียนรู้ให้ดีขึ้น มันเลยเป็นการเดินทางที่ไม่สิ้นสุดครับ

สำหรับคนที่อยากเป็น Vtuber ในอนาคต ผมอยากแนะนำให้คุณเริ่มทำมัน ไม่ว่าคุณจะพร้อมหรือไม่

เรียนในสิ่งที่จำเป็นสำหรับตัวเอง ลงทุนกับสิ่งที่สร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ผมเชื่อว่าคุณจะตามหามันเจอครับ 🙂

Pngtuber คืออะไร?

ผมได้เล่าเรื่องของ Vtuber ไปในบทความที่แล้ว (ย้อนไปอ่านได้ ตรงนี้) และผมอยากบอกว่า

Pngtuber = Vtuber BUT ประหยัดกว่า

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึง Pngtuber คืออะไร? ข้อดีและข้อเสียเมื่อเปรียบเทียบกับ Vtuber มีอะไรบ้าง? และทำไมผมถึงแนะนำให้หน้าใหม่เป็น Pngtuber มากกว่า Vtuber

Pngtuber คืออะไร?

Pngtuber เป็นการรวมคำกันระหว่าง PNG + Vtuber

PNG เป็นชื่อของตระกูลไฟล์ภาพชนิดหนึ่ง (ที่เห็นกันบ่อย ๆ จะมี JPEG, PNG, GIF เป็นต้น)

เมื่อเอามารวมกับคำว่า Vtuber เราจะได้ความหมายว่า Vtuber ที่เป็นภาพ PNG

สรุปให้เข้าใจมากกว่านี้คือ Pngtuber จะมีโมเดลเป็นภาพนิ่ง นั่นเอง

แต่ในปัจจุบันมันก็มีโปรแกรมที่เพิ่มความ Spicy ให้กับ Pngtuber เพื่อให้โมเดลภาพนิ่งขยับได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างโมเดล Pngtuber ที่ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าการเป็นภาพ PNG

ข้อดีของ Pngtuber

ราคาถูกกว่า

ไม่ใช่ทุกคนที่มีงบประมาณมากพอจะสั่งซื้อโมเดล Vtuber ได้ เพราะขั้นต่ำของการซื้อโมเดลแยกส่วน (ยังไม่ได้มีการ Rig) คือ 5,000 บาท++

หากคุณผู้อ่านอยากได้โมเดลที่สวยงามระดับค่ายดังก็อาจจะแตะหลักหมื่นได้เลย

อีกตัวอย่างหนึ่งที่ผมเคยได้ยินมาคือมี Vtuber อิสระท่านหนึ่งที่มีโมเดลแตะหลักแสน (และใช่ครับ Vtuber ท่านนั้นเป็นคนไทย)

แต่เงินที่จ่ายไปเยอะขนาดนั้น ก็ไม่แปลกที่โมเดลจะมีลูกเล่นเยอะมากกกก แบบ ก.ไก่ล้านตัว

บางทีคีย์บอร์ดคุณผู้อ่านอาจมีพื้นที่ไม่มากพอที่จะกดอีโมตเลยด้วยซ้ำ (อันนี้เอาฮานะครับ)

เมื่อเปรียบเทียบกับ Pngtuber แล้ว ต่อให้ผมเปิดร้านรับจ้างวาดโมเดล Pngtuber และอยากขายสินค้าให้ได้เยอะ ๆ ผมยังบอกว่า ไม่มีทางที่ Pngtuber สู้กับ Vtuber ได้หรอกครับ ถ้าในแง่ของความอลังการนะครับ

สิ่งที่วัดกันจริง ๆ ในสนาม Content Creator คือ Content ของคุณผู้อ่านเอง

ถ้าหากคุณค่าที่คุณให้กับผู้อื่นมันดีและมีประโยชน์ในด้านใดด้านหนึ่ง ต่อให้คุณปิดหน้าปิดตา คุณก็จะประสบความสำเร็จครับ

ผมเห็นหลายคนเหมือนกันที่จ่ายเงินซื้อโมเดลราคาแพงแล้วไม่ทำกำไร หน่ำซ้ำยังขาดทุน

เป็นเรื่องปกติที่ในตอนแรกจะขาดทุน แต่ประเด็นก็คือ เราสามารถหลีกเลี่ยงการขาดทุนได้

ด้วยการที่เรารู้ว่าเป้าหมายของการมาทำของเราคืออะไร, กำไรของเราคืออะไร และอะไรคือการขาดทุน เพราะบางที กำไร, ขาดทุน ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน

กินพลังงานคอมพิวเตอร์น้อยกว่า

โมเดล Pngtuber นอกจากจะมีโมเดลที่ประหยัดตังค์แล้ว เรื่องของการใช้พลังงานคอมพิวเตอร์ก็กินพลังงานน้อยกว่าการใช้โมเดล Vtuber

ย้อนกลับไปตัวอย่างโมเดลที่มีราคาหลักหมื่น นอกจากโมเดลแล้วคุณยังต้องมีคอมพิวเตอร์ที่พร้อมทำงานกับโมเดลของคุณด้วย

ในทางกลับกันโมเดล Pngtuber สามารถใช้งานได้ดีกับคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่ยังไม่ได้อัพมาเพื่อการเล่นเกมหนัก ๆ

คอมพิวเตอร์เป็นส่วนที่สำคัญมากในการไลฟ์สตรีมหรือทำงานตัดต่อ

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีแอปพลิเคชั่นสำหรับการเป็น Vtuber ในมือถือ แต่ตลาด Vtuber ที่เราอยากเข้าไป ทุกคนต่างมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวกันทั้งนั้น

ผมอยากแนะนำให้ผู้ที่เริ่มต้นจริง ๆ เตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้ เพื่อทำให้การลงทุนลงแรงของคุณไม่เสียเปล่า

  1. สร้างเป้าหมายในการเป็น Vtuber หรือ Pngtuber
  2. ตามหาคุณค่า (Values) ของตัวเองให้เจอ
  3. Content ของเราต้องสะท้อน Values ของเรา
  4. จงให้มากกว่ารับ

มันไม่ได้เกี่ยวกับอุปกรณ์ก็จริง แต่เรื่องอุปกรณ์คุณไปหาอ่านจากที่อื่นก็ได้ เพราะผมอยากให้คุณเตรียมตัวในแง่ทางจิตใจก่อน

ข้อเสียของ Pngtuber

ข้อเสียเดียวที่ผมเห็นใน Pngtuber คือ ข้อจำกัดด้านการขยับโมเดล Pngtuber ไม่สามารถขยับร่างกายได้ลื่นไหลเท่ากับ Vtuber

เพราะถ้าทำได้ขนาดนั้น เราจะไม่เรียกว่า Pngtuber แล้วครับ

บางคนอาจคิดว่ามันน่าจะมีข้อเสียมากกว่านี้ แต่ผมคิดว่าข้อเสียของการมีโมเดล Pngtuber มันมีแค่นี้จริง ๆ

องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Pngtuber คนหนึ่งโด่งดังมันก็คือ ตัวตนของพวกเขาเอง

ผมอยากบอกเรื่องนี้มานานแล้ว ว่าผมที่เป็นคนดูหนึ่งคน ไม่ได้ติดตาม Vtuber เพราะโมเดลสวยหรืออลังการ ผมติดตามเพราะว่าพวกเขาให้อะไรผม

ผมเคยเจอ Vtuber ที่คุยเรื่องมาสก์ไรเดอร์จนผมเชื่อว่าเขาเป็นคนที่ชอบมาสก์ไรเดอร์มาก ๆ

แม้ว่าผมจะไม่ได้กดติดตาม ผมก็ยังประทับใจตอนที่เขาด่าหนังมาสก์ไรเดอร์ยุคหลัง ๆ อยู่เลย

ผมเลยคิดว่ามันขึ้นอยู่กับตัวตนของคุณ ว่าคุณมี Values อะไรมอบให้กับคนดูหรือเปล่า?

มันคือส่วนหนึ่ง Digital marketing ที่ว่า คุณจะขายอะไรและใครเป็นคนที่จะซื้อสินค้าคุณ

สาเหตุที่ผมแนะนำมือใหม่ให้เป็น Pngtuber

ผมเชื่อว่าทุกคนที่อยากเข้าวงการมีความฝัน ไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอะไร สุดท้ายแล้วมันก็มักจะจบลงด้วยคำว่า “เงิน” และไม่ใช่ทุกคนจะ afford เรื่องนี้ได้ ผมสงสัยว่า

มันจะเป็นไปได้ไหมที่เราจะนำเสนอไอเดียด้วยงบที่น้อยที่สุด?

ในยุคปัจจุบัน เรามีเครื่องมือฟรี ๆ ความรู้ฟรี ๆ ที่เอามาสร้างและพัฒนาตัวเองได้

บางอันไม่จำเป็นต้องเสียตังค์สักบาทเพื่อให้ไอเดียของเราออกมาเป็นรูปเป็นร่าง

เรารู้ว่าการจะจ่ายอะไรไปสักอย่าง มันต้องมีความหมายที่คุ้มกับเงินที่เสียไป และเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยเรื่องนี้ครับ

ถ้าคุณรู้ว่า คุณไม่ได้ต้องการโมเดลระดับ Vtuber เท่านี้ก็ช่วยประหยัดงบในช่วงแรกได้เยอะแล้ว

คุณอาจไปฝึกวาดภาพโมเดล Pngtuber และไปเรียนวิธีการใช้งาน Pngtuber Plus เพื่อประหยัดงบมากกว่าเดิม

ตอนนี้จากงบประมาณสกุลเงิน “บาท” ก็จะเปลี่ยนเป็นสกุลเงิน “เวลา” ทันที

มันคือการลงทุนระยะยาวที่ช่วยให้คุณสร้างอาชีพได้ด้วย

ยกตัวอย่างเช่น ผมที่วาดโมเดล Pngtuber และใช้ Pngtuber Plus ได้ในระดับหนึ่ง ผมสามารถวาดโมเดลของตัวเองได้ และในอนาคตผมสามารถต่อยอดด้วยการรับงานวาดโมเดล Vtuber ได้อีกด้วย

ถ้าหากว่าเวลาเป็นสกุลเงินที่มีค่าสำหรับคุณ คุณก็สามารถสั่งซื้อหรือจ้างคอมมิชชั่นนักวาดที่คุณชอบได้

แต่ก็ต้องมาดูกันอีกทีว่านักวาดที่คุณชอบเขารับวาดหรือเปล่า เพราะไม่ใช่นักวาดทุกคนที่เรียนทักษะการวาด Parts แยกชิ้นส่วน (สนใจสั่งคอมมิชชั่นโมเดล Pngtuber ได้ ตรงนี้; ขายตรงสักหน่อย 😀 )

ผมอยากเป็นกำลังใจให้กับหน้าใหม่ที่อยากเข้าวงการว่า คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินเยอะเกินความจำเป็นเลย

ถ้าหากคุณรู้ว่าคุณอยากทำอะไรให้กับคนดู มันจะช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะมากเลยครับ

Vtuber คืออะไร?

ในปี 2025 นี้ก็ยังคงเป็นปีที่มีค่าย Vtuber ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ายอินดี้หรือค่ายระดับบริษัท

สมัยก่อนตอนที่ผมยังเป็นเด็กวัยรุ่น เรารู้จัก Pop culture อย่าง Vocaloid และ Utaite ต่าง ๆ ในญี่ปุ่น (อย่าง 96neko หรือ Hatsune Miku เป็นต้น)

แต่ในปัจจุบัน ถ้าหากเราพูดถึง Pop culture ญี่ปุ่น เราก็ต้องพูดถึง Vtuber

Vtuber หรือชื่อเต็ม ๆ ของคำนี้ (ที่คนไม่ค่อยใช้กันเท่าไหร่) คือ Virtual YouTuber ตัวตนเสมือนที่สร้าง Content ต่าง ๆ บน YouTube

แม้ว่าจะมีคำว่า YouTube ในประโยค แต่ในปัจจุบันเราจะเห็น Vtuber อยู่ในช่องทางต่าง ๆ นอกเหนือจาก YouTube ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Twitch และแพลตฟอร์มที่มีให้พวกเขาไปไลฟ์สตรีม

หลายครั้งมันคือความฝันของเด็กรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาสในเส้นทางดวงดาว แต่ความฝันนั้นมักดับสลายไปเพราะความเป็นจริงอันโหดร้ายที่เรียกว่า สังคม Vtuber

ว่ากันตามตรง มันก็เป็นสังคมที่มีดำมีขาวปะปนกันไปเหมือนกับสังคมอื่น ๆ แต่ผมอาจบอกได้ว่า สังคมที่โดนเรียกจากชาวทวิตเตอร์ว่าเป็น แหล่งรวมอาชญกรชุบตัว มันก็ฟังดูโหดร้ายไม่น้อย

ผมคิดว่าการที่เราต้องปรับความเข้าใจเกี่ยวกับ Vtuber มันก็สำคัญไม่แพ้กันกับการได้รู้จักวงการนี้

สังคมมันไม่ได้โหดร้ายในตัวของมันเอง แต่คนที่อยู่ในนั้น (บางคน) ทำให้ภาพลักษณ์มันดูโหดร้ายต่างหาก

อย่างเช่นเหตุการณ์น่าสะเทือนขวัญของ Vtuber ท่านหนึ่งที่หัวเราะเยาะเย้ยเกี่ยวกับเหตุการณ์กราดยิงในห้างสรรพสินค้า นั่นคือตัวอย่างของสำนวนสุภาษิตที่ว่า “ปลาตายตัวเดียว เน่าทั้งเข่ง”

แม้ว่าในตอนนี้จะไม่ค่อยมีข่าวที่ Vtuber ทำอะไรแบบนั้นแล้ว แต่ถ้าหากคุณอยู่ในวงการนี้ใน Twitter มากพอ

คุณจะรู้ว่า ยังมี Vtuber ที่ทำตัวน่ากลัวไม่ต่างจากอาชญกรเท่าไหร่หลงเหลืออยู่ ตามที่ชาวทวิตเตอร์ท่านหนึ่งได้บอกเอาไว้

ผมไม่ได้ต้องการให้ผู้อ่านหรือผู้ที่สนใจในวงการนี้กลัว แต่มันสำคัญจริง ๆ ที่ต้องบอกให้พวกคุณได้รู้เพื่อหลีกเลี่ยงข่าวดราม่าต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นสำหรับการติดตาม Vtuber ที่คุณชอบ

วงการ Vtuber ยังมี Vtuber นิสัยดีและเป็นมิตร และยังมีพื้นที่ที่สามารถพัฒนาได้อีกเยอะ

แต่ผมก็อยากนำเสนอสิ่งที่ผมได้ติดตามวงการนี้มาเรื่อย ๆ จนบางทีก็เอือมระอาให้คุณได้รู้เหมือนกัน

ดราม่าเรื่องชู้สาวไม่หยุดหย่อน

ดราม่าความสัมพันธ์คือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของ Vtuber

คุณจะได้เจอกับดราม่านี้เรื่อย ๆ แม้ว่าจะไม่ได้ต้องการติดตามมันเลยก็ตาม

เพราะมันเป็นเรื่องที่แพร่กระจายเร็วมาก จนหน้าไทม์ไลน์ของคุณจะเต็มไปด้วยเรื่องพวกนี้

หากคุณเป็นคนชอบดราม่าความรักหรือการหักหลัง ผมว่าก็คงทำให้คุณเพลิดเพลินไม่น้อย แต่มันจะเป็นปัญหาที่คุณเห็นบ่อยมาก จนทำให้เบื่อได้เลย

ดราม่าประเภทนี้ต้องใช้วิจารณาณในการเสพหรือเลือกข้าง เพราะผมเห็นตกม้าตายไปหลายคนกับการเลือกข้างผิด

ผมว่าทางที่ดีเราก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งหรือเลือกข้างโดยไม่จำเป็น เพราะเราที่เป็นคนนอกก็ไม่รู้เลยว่าอันไหนเป็นเรื่องจริง

หรือแม้กระทั่ง Vtuber ท่านนั้นเป็นเพื่อนเรา เราก็ไม่รู้ว่าคู่กรณีพูดจริงหรือสร้างกระแส เพราะงั้นเราต้องพึ่งวิจารณาณให้มาก ๆ และมองอย่างเป็นกลางให้ได้

ที่ต้องทำแบบนั้นไม่ใช่แค่เพราะมันทำให้เราดูมีอารยธรรม แต่มันทำให้คุณติดตาม Vtuber ได้อย่างสงบสุขอีกด้วย

การวางตัวที่ไม่เหมาะสม

ผมเชื่อว่าวุฒิภาวะไม่ได้เกี่ยวข้องกับอายุมากขนาดนั้น

การวางตัวที่เหมาะสมคือการรู้ว่าเราควรพูดอะไร ไม่ควรพูดอะไร มีสติในการกระทำบางสิ่งที่ส่งผลต่อผู้อื่น

หลายครั้งดราม่าของ Vtuber จะเป็นเรื่องของวุมิภาวะที่ไม่เหมาะสม แต่พวกเราคาดหวังอะไรจาก Vtuber กันแน่?

พวกเราคาดหวังว่าพวกเขาจะเป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนเหรอ? บางคนอาจใช่ ผมเคยอาจคิดว่าควรเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ ผมไม่คิดอย่างนั้นแล้ว

Vtuber เป็นคนธรรมดาทั่วไป เรารู้มาตลอดว่าเราไม่มีวันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ Perfect ได้หรอก

เราไม่สามารถทำตามมาตรฐานสังคมได้สมบูรณ์ สิ่งที่พวกเราคนดูหรือเพื่อนร่วมงานของ Vtuber ต้องการคือ การมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ซึ่งเรารู้ดีว่ามันสำคัญแค่ไหนในการดำเนินชีวิต

ความรับผิดชอบเป็นเรื่องที่สร้างความน่าเชื่อถือของ Vtuber คุณสามารถรับผิดชอบได้มั้ย ถ้าหากว่า Content ของคุณมันอาจส่งผลให้เด็กที่ติดตามคุณ เปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง (ไม่ว่าจะในทางที่ดีหรือไม่ดี)

อิทธิพลเป็นที่สิ่งที่พวกเราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นผมหรือเป็นคุณผู้อ่าน หรือเป็น Vtuber คนไหน ๆ

มันไม่มีสูตรตายตัวว่าวิธีการอะไรที่ทำให้เรามีอิทธิพลหรอกครับ แต่สำหรับผม ผมคิดว่า ความรับผิดชอบมันส่งผลกับผมมาก ๆ

การวางตัวไม่เหมาะสมอาจมีมากกว่าแค่การไม่มีความรับผิดชอบ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้เมื่อไม่นานมานี้คือ

เราสามารถปรับความเหมาะสมของเราได้ และ มันจำเป็นต้องทำ

เราไม่สามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่หรอกครับ ถึงผมจะสร้างร้าน Artblock เพื่อให้คุณผู้อ่านบางท่านได้เป็น Vtuber ที่น่าจดจำ (หรือเป็น Pngtuber ที่โดดเด่น) แต่เราไม่สามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ 100%

แต่มันโอเคที่จะเป็นแบบนั้น เราเป็นมนุษย์ที่หวังพึ่งสังคมตลอดเวลา โจทย์ของพวกเราคือการปรับความเป็นตัวเองให้เหมาะสมกับสังคม

อย่าให้สังคมกลืนกินเราและอย่าให้เราต้องโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว การปรับความเหมาะสมเลยเป็นเรื่องที่ต้องฝึกไปตลอดทั้งชีวิตครับ

ตัวผมก็ยังคงอยู่ในการเดินทางนี้ ผมรู้ว่าผมเดินพลาดเยอะแค่ไหน แต่ผมไม่รู้เลยว่าปลายทางข้างหน้าหน้าตาเป็นยังไง

ผมเองก็อยากให้กำลังใจผู้อ่านที่อยากเป็น Vtuber ว่า

มันโอเค ที่คุณจะทำผิดพลาด ถ้าสุดท้ายคุณจะปรับปรุงตัวจริง ๆ

ถ้าหากว่ามันมีโอกาสที่เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป็นคนที่ดีกว่า อย่าพลาดโอกาสนั้นอีกเป็นรอบที่สอง

ถ้ามีรอบที่สอง ก็อย่าให้มีรอบที่สาม หรือถ้ามีรอบที่สามก็อย่าให้มีรอบที่สี่

และถ้าหากว่าทำพลาดบ่อยมากกว่านี้ ผมว่าเราคงต้องกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองแบบจริง ๆ จัง ๆ ก่อนจะเตลิดไปมากกว่านี้แล้วครับ

ข้อความที่อยากส่งต่อ

ผมไม่อยากให้คุณผู้อ่านคิดว่าสังคม Vtuber น่ากลัว แต่ถึงแบบนั้นสำหรับผมมันจำเป็นมาก ๆ ที่จะต้องบอกเรื่องนี้

ผมเชื่อว่าคนที่จะเป็น Vtuber หรือ Pngtuber หน้าใหม่จะมีความสามารถและมีเป้าหมายที่ชัดเจน

สังคม Vtuber เป็นสังคมเล็ก ๆ ที่จะร้ายหรือดี ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการที่พวกเรามองมัน เราคนเดียวไม่สามารถพลิกความชั่วให้หายไปจากสังคมได้ แต่พวกเราทุกคนสามารถทำให้มันน่าอยู่กว่านี้ได้

อย่าลืมความฝันและเป้าหมายในการลงมือทำของคุณ เพราะเป้าหมายและความฝันคือสิ่งเดียวที่ทำให้คุณเป็นตัวเอง

“สิ่งที่ทำให้ Vtuber คนหนึ่งโดดเด่น ไม่ใช่โมเดลที่สวยงาม แต่เป็นตัวของพวกเขาเองต่างหาก