Story telling จะช่วยให้คุณเป็น Vtuber ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
คุณดู Vtuber เพราะอะไรเหรอครับ?
ถ้าหากคุณถามผม ผมจะตอบว่า ผมดูเพราะ Free talk ครับ
หลายครั้งเราจะเห็น Vtuber ทำ content หลากหลายแบบ หนึ่งในนั้นคือ Free talk ครับ ว่ากันตามตรง หลายคนบอกว่า ทำ Free talk ง่ายกว่าการทำ content แนวอื่น แต่เรื่องนั้นไม่จริงเลยครับ
สำหรับผม ผมจะติดตาม Vtuber หรือ content creator ท่านไหน ผมจะดูที่เขาเล่าเรื่อง (Story telling) ผ่าน content ที่เขาทำ วันนี้ผมเลยจะมาคุยเรื่องนี้กันครับ!
นัก Free talk และ นัก Story telling
เรามาทำความรู้จักกับ Free talk กันก่อนดีกว่าครับ
Free talk คือ content รูปแบบหนึ่งที่ Vtuber สามารถคุยเรื่องอะไรก็ได้กับคนดูหรือคนที่มา collab ด้วย
คุณคิดว่าคุณเป็นคนเล่าเรื่องเก่งมั้ยครับ?
บางคนอาจตอบผมว่า “ไม่ได้เก่งเลยสักนิด เพราะงั้นฉันเลยเลือก Free talk เพื่อหาคนอื่นชวนฉันคุย” แต่ถ้าคุณไม่มีคนคุยด้วย คุณจะทำยังไงครับ?
ผมเคยเป็น Vtuber ที่เน้นทำ content Free talk ครับ เพราะคอมพิวเตอร์ผมไม่สามารถเล่นเกมและไลฟ์สตรีมได้
ปัญหาของ Vtuber ที่ทำ Free talk (รวมถึงผมในตอนนี้ด้วย) คือ การไม่เตรียมเรื่องเล่า กรณีที่ไม่มีคนคุยด้วย หรือแม้กระทั่ง เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราถนัดคุยเรื่องอะไร
ผมมารู้ทีหลังว่า ต่อให้เป็น Free talk ที่คุยอะไรก็ได้ เราก็ต้องมี “เรื่อง” ในหัวก่อน
มันอาจเป็นเหตุการณ์ที่คุณเจอในเช้าวันนี้ก็ได้ แต่ถ้าหากมันเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ๆ อย่างการไปซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่เราอยากเล่าเรื่องนี้ในไลฟ์ Free talk โจทย์ของพวกเราคือ เราจะเล่าออกมายังไงให้คนดูอยากฟัง?
ทางแก้คือ Story telling ครับ
คุณจำเรื่องผีที่มีคนมาเล่าให้คุณฟังได้มั้ยครับ? คุณสงสัยมั้ยว่าทำไมคุณถึงตั้งใจฟังเขา?
เหตุผลอาจเป็นเพราะคุณชอบเรื่องลี้ลับ แต่อีกส่วนหนึ่งมาจากการ เล่าเรื่องของเขาครับ
Story telling คือ ทักษะการเล่าเรื่อง ครับ
คุณจินตนาการออกมั้ยครับว่า คนที่เล่าเรื่องผีไม่ได้เรื่องเป็นคนยังไง? เขาคงเป็นคนที่ไม่รู้ว่าฉากไหนคือฉาก Climax หรือบทคำพูดนี้จะสร้าง impact กับคนฟังยังไง
สรุปง่าย ๆ คือ คนที่เล่าเรื่องผีไม่ได้เรื่องคือ คนที่ไม่ทำให้เราเห็นภาพครับ
Story telling เป็นเรื่องของการทำให้สารที่ต้องการจะสื่อ ออกมาเป็นภาพที่เห็นแล้วเข้าใจง่าย
หลักการพื้นฐานของ Story telling คือ
- Plot
- Character
- Conflict
- Resolution
ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ ผมพยายามทำให้บทความต่อ ๆ ไปของผมใช้ทักษะ Story telling มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากมันทำให้คุณอยากอ่านบทความของผมแล้ว มันคือทักษะแห่งปี 2025 ที่มีเพื่อ content creator อย่างพวกเราครับ
Plot
Plot คือ เนื้อหา, ฉากและองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เราต้องการนำเสนอ จินตนาการถึงหนังที่คุณชอบดูครับ ผมเชื่อว่าสาเหตุที่คุณชอบหนังเรื่องนั้น ส่วนหนึ่งมาจาก Plot ของหนัง เราอาจเรียกว่าเป็นเหมือน แผนที่ ที่เราวาดไว้เพื่อกำกับอารมณ์ของคนดูก็ได้ครับ
ตัวอย่างที่ผมทำคือ บทความนี้ครับ
ผมเริ่มจาก
- อธิบายความหมาย Free talk
- Key massage (ความยากในการทำ Free talk)
- Resolution (วิธีการทำให้ Free talk น่าสนใจ)
มันอาจเป็นแค่โครงคร่าว ๆ ที่ทำให้ผมเข้าใจว่าผมอยากเล่าเรื่องอะไร แต่การสร้างโครงเรื่องอันนี้จะทำให้เราไม่ออกนอกลู่นอกทางครับ และการออกนอกลู่นอกทาง ทำให้คนอ่านเสียเวลา
การทำให้คนอ่านเสียเวลา เป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบเท่าไหร่นัก
Character
Character คือ ตัวละครที่มาเป็นตัวเอกของเรื่อง ที่ถ้าหากไม่มีเขา Plot ก็จะไม่ดำเนินต่อ
อย่างในบทความนี้ ผมใช้ตัวเองเป็น Character เพราะผมเล่าเรื่องของตัวเองครับ
ผมต้องอธิบาย Character ว่าทำไมผมถึงต้องมาเล่าหรือเขียนบทความนี้ ผมอธิบายไปว่า “ผมเคยเป็น Vtuber ที่เน้นทำ content Free talk มาก่อน” มันจะทำให้คนฟังเชื่อว่า ผมมีความรู้เรื่องนี้จริง ๆ นะ มันคือการสร้าง Relationship กับคนฟังครับ
ผมชอบหนังที่ผมผูกพันธ์กับตัวละคร แต่ผมจะผูกพันธ์กับตัวละครนั้นได้ ผมต้องรู้จักเขาก่อนทั้ง นิสัย, ความคิด, เป้าหมาย อาจไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายเว่อวัง แต่ผมแค่อยากรู้ว่าตัวละครนี้ทำไมถึงมาอยู่ในหนังเรื่องนี้ได้เท่านั้นเอง
Conflict
Conflict คือ ปัญหาที่ Character เจอ
คุณคิดว่าหนังที่ไม่มีอุปสรรคเลย จะเป็นหนังที่ดีหรือเปล่าครับ?
ผมชอบหนังที่ตัวเอกต้องเจอกับอุปสรรค ไม่ใช่เพราะผมซาดิสม์นะครับ (ฮา) แต่เพราะผมชอบอารมณ์ตอนที่ตัวเอกผ่านอุปสรรคไปได้ครับ
พวกเราจะรู้สึกดีไปด้วย เหมือนกับว่าพวกเรากับตัวเอกผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน เพราะงั้นหนังที่ดี เลยจำเป็นต้องมีอุปสรรค เพราะคนดูชอบอารมณ์ของการก้าวข้ามอุปสรรคไปได้ครับ
ยิ่งอุปสรรคนั้นดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยความดิ้นรนเพื่อการมีชีวิต มนุษย์จะทำทุกวิถีทางเพื่อผ่านอุปสรรคครับ พวกเรารู้สึกและเข้าใจอารมณ์นั้นไม่มากก็น้อยในชีวิตของเรา
ความรู้สึกสับสนตอนที่ไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไรดีของผม อาจเป็นปัญหาเหมือนกับของใครบางคน การมีปัญหาร่วมกันและเข้าใจถึงความรู้สึกนั้น จะทำให้คนฟังอยากฟังเราต่อครับ
Resolution
Resolution คือ ทางออกของ Conflict
อย่างที่บอก คนเราไม่ได้ชอบ Conflict แต่เราชอบความรู้สึกตอนที่เราก้าวข้าม Conflict ไปได้
ถ้าหากหนังผูกปมเอาไว้ และในตอนจบไม่คลายปมอะไรเลย เป็นผม ผมด่าหนังเรื่องนั้นแล้วครับ
Resolution อาจจะไม่ได้แก้ปัญหาให้กับคนฟังก็จริง แต่มันคือการแก้ปัญหาให้กับ Character ครับ
คุณเคยเจอเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกอึดอัด แต่ในตอนสุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีหรือเปล่าครับ?
ถ้าคุณเคยเจอ คุณจะเข้าใจความรู้สึกของ Character ดีว่ามันวิเศษแค่ไหน
ส่วนใหญ่ Resolution จะมาในตอนท้ายของเรื่องครับ ไม่ค่อยโผล่มาในตอนกลางเรื่องหรือตอนต้นเรื่อง
อย่างในบทความนี้ ผมเล่าถึงความความทุกข์ใจร่วมกันก่อน จากนั้นผมค่อยเติมทางแก้ของผมลงไป (นั่นคือ Story telling แก้ปัญหาว่าผมจะเล่าเรื่องยังไงให้น่าฟัง)
สรุป
Story telling เป็นทักษะที่ทำให้คุณเป็น Vtuber ที่ดีขึ้นได้ ก็เพราะมันทำให้คุณมีคนอยากฟังคุณ
ต่อให้คุณมีเรื่องที่น่าสนใจแค่ไหน แต่ถ้าคุณเล่าออกมาแล้วไม่มีคนฟัง มันก็เท่านั้น
คุณสามารถเปลี่ยนเรื่องธรรมดาให้น่าสนใจได้ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ทุกคนเคยเจอแล้วก็ตาม
ทักษะ Story telling ไม่ได้จำเป็นแค่ในฐานะ Vtuber แต่มันคือทักษะของมนุษย์ที่สืบทอดต่อกันมา
พวกเรามีชีวิต, มีความเชื่อ, มีวัฒนธรรมได้ก็เพราะ Story telling